" สุขเกิดได้เมื่อพอใจกับสิ่งที่มี "

วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

“ โอกาส ที่มี คือสิ่งที่ดีที่สุด ” บทเรียนความรักที่ไม่อาจลืม

           DSCF0234

 ความรักบทนี้ อย่าได้ลืมเลยทีเดียว

            เวลาเราเห็นความรัก ของเพื่อน ของพ่อแม่ ของใครก็หลายคน เราก็แอบหวังว่าอยากจะมีความรักแบบนั้นบ้างเหมือนกัน แต่เมื่อเราเห็นความสูญเสีย การอกหัก เราก็กลัวเหมือนกันว่ามันจะเกิดขึ้นกับเราหรือไม่ สิ่งๆนี้ ทำให้ใจคนนึงคนไม่กล้าที่จะเริ่มต้นความรักกับใคร แม้ว่าใคร จะหยิบยื่นความรักมาให้ก็ตาม

            ฉันเป็นตัวของฉัน ฉันมีความหวังในความรักที่ไม่เหมือนใคร ฉันรักในหัวใจของคนที่ฉันรู้ว่าเขารักฉัน ไม่ว่าเขาจะหญิงหรือชาย ฉันสามารถเริ่มต้นความรักได้เสมอ แต่บนความกลัวที่ฉันมี ก็ทำให้ฉันไม่ได้เริ่มต้นความรักกับใครทั้งสิ้น จนถึงเวลา ที่ฉันกำหนดไว้ว่า ฉันควรจะเริ่มต้นกับใครซักคน เมื่อฉันอยู่ปี 1 และฉันก็ได้อยู่ปี 1

            ฉันเข้าวีน ซึ่งใครหลายๆคนบอกกับฉันว่า “ วีน โหดนะ จะเอาไปกลิ้งดิน กลิ้งทราย ” ฉันรู้แค่นี้ ตอนนั้นฉันก็ไม่เคยเข้าใจเลย เข้าวีนเพื่ออะไร แต่ฉันเห็นสังคมที่มีรอยยิ้ม เห็นหลายๆคนที่เป็นเหมือนฉัน หรือมากกว่าฉัน ฉันอยากดูแลพวกเขา หรือพวกเราที่เป็นหนึ่งในสังคม กำลังใจจากเพื่อนนับว่าสำคัญมากที่สุด ฉันจึงพร้อมจะยกมือ พร้อมที่จะเผชิญกับภารกิจต่างๆ แม้ว่าตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าเป็นยังไง และเรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้น

            มีหลายครั้ง ที่ฉันคิดแง่ลบกับการเข้าวีน  ฉันไหว้พี่ตามกฏ แล้วถูกเชิดใส่ ฉันก็น้อยใจ แล้วคิดว่าเขาจะเอาเรื่องนี้มาทำร้ายฉันหรือเปล่า   บางครั้งฉันมาวีนไม่ได้ พี่เขาอาจจะรุมทำร้ายฉันหรือเปล่า แต่ไม่ใช่เลย ไม่ว่าฉันจะทำผิดอะไร พี่ๆก็จะว่ากล่าวตักเตือน และให้กำลังใจต่อท้ายเสมอ ในเวลาที่ฉันร้องไห้ เพื่อนของฉันก็ยังปลอบใจฉัน และให้กำลังใจตลอดมา ฉันจึงไม่คิดที่จะออกวีน และอยากอยู่ต่อไปเป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไป

            กฏที่วีนสร้างไว้ คือ ห้ามมีผัว หรือคนรัก  ในตอนนั้น ตัวฉันยังไม่เข้าใจกฏข้อนี้เท่าใดนัก แต่ฉันคิดว่า มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าเรามีและเราไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ฉันจึงพร้อมที่จะมีความรักแบบลับๆ

            สังคมโซเชี่ยล เนตเวิร์ค เป็นอะไรที่ทำให้คนหลายคน ได้รู้จักกันได้รวดเร็ว แน่นอน ความรักของฉันเริ่มต้นที่ตรงนี้ ผู้ชายคนนึง ทำให้ฉันตกหลุมรักเขา ไม่ใช่เพราะเขาหล่อหน้าตาดี หรือมีคำนำหน้าว่า นสท. หรือว่าเหตุผลใดๆ แต่ฉันรักเขา เพราะฉันสัมผัสได้ว่า เขาก็รักฉันจริงๆ การพูดคุยกัน หยอกล้อกัน ก็ทำให้เกิดความรักขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต วันแรกที่ฉันได้เจอหน้ากับเขา เขาเอาของกินมาฝากฉัน ฉันเปิดประตูออกไป ในใจก็ตื่นเต้นเหลือเกิน

             “ ไม่เห็นจะหล่อเลย ” คือความคิดแรกที่ขึ้นมาในสมอง แต่แน่นอนความหล่อมันกินไม่ได้ และมันก็ไม่ใช่จุดประสงค์หลัก ที่ความรักครั้งนี้มันเกิดขึ้นมา สิ่งที่เห็นต่อมาจากนั้นคือ เห็นเขาแจ่มใส ร่าเริง และดูเหมือนว่า เขาตั้งใจจริงๆ ที่จะมาเจอฉัน ฉันยิ่งรักเขาไปมากกว่าเดิม ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่นั้นกลับทำให้ฉันรู้สึกดีที่สุดในชีวิต ฉันกำลังมีความรักโว๊ย

นี่คือบทเพลงแรก ที่ฉันประทับใจมากที่สุด สำหรับการเริ่มต้น

              การติดต่อ บนโลกออนไลน์ก็ยังดำเนินต่อไป  การที่เขาเรียนคณะที่ต้องใช้สมาธิและเวลากับการเรียน ฉันจึงกำหนดไว้ว่า การติดต่อโทรศัพท์ อาจจะไม่จำเป็นสำหรับเรา แค่คุยหรือทักทายในเฟสก็น่าจะพอแล้ว หรือไม่ ก็โทรหากันแค่ 2 หรือ 3 นาที ก็มีความสุขแล้ว ความรักไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากมาย แค่รู้ว่าเขารักฉันแค่ไหน ฉันก็สุขใจมากที่สุด

              ฉันร่าเริงผิดปกติ มากกว่า หนึ่งอาทิตย์ “ ฉันมีแฟนแล้ว ฉันมีแฟนแล้ว ” เป็นเหมือนเสียง ที่ดังก้องไปทั่วหัว ฉันไปเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งที่คอยเตือนใจฉันเวลาจะทำอะไร คือ เขา นั้นเอง ฉันดีใจทุกครั้งเวลาออนเฟสบุคทีไร แล้วเห็นเขากำลังออนไลน์ เรามักจะ ส่งเพลงให้กันในกล่องจดหมาย และถามสารทุกข์ของกันและกัน

IMG228 

ตัวแทนความสุข ที่เขามอบให้ฉัน คือน้อง ไมโล ซึ่งก็คู่กับน้องโดนัท ที่อยู่ติดตัวเขาตลอดเวลา

              การออกเดทครั้งแรก ไ้ด้เริ่มต้นขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นธุระ ก็ตาม เราสองคนได้ไป ม.แม่โจ้ ฉันเอาวิกผมไปให้เพื่อนที่นั้น  นั่งซ้อนรถเครื่องเขาไป ขากลับ เราไปกินสุกี้ ด้วยกัน มันคือ ครั้งแรก ที่เราได้ทำสิ่งดีๆด้วยกัน

DSCF0231 IMG385

แอ๊บแบ๊ว นะ   &&  ต้อนรับ น้องเอ็มเค ด้วย

              เพื่อนในวีน แอบสงสัยฉันว่า ฉันมีแฟนหรือเปล่า ฉันก็ตอบไปว่า “อ๋อ ไม่ใช่ เป็นพี่เป็นน้องกัน เขาอยู่ตั้งปีสี่ กูอยู่ปีหนึ่ง มันห่างเกิน” แต่จริงๆแล้ว ฉันจะบอกว่า “ แฟนกูเรียนทันตะ ” ให้เต็มๆหูไปเลย แต่ก็นะ กฏของวีน ใครจะไปอยากล้ำเส้นให้ตัวเองเดือดร้อน  แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามความจริงก็คือความจริง บนโลกออนไลน์ ความจริงจึงถูกแพร่ออกไปได้ไม่ยาก

              เขาพยายาม ทำความรู้จักเพื่อนของฉันหลายๆคน ทั้งเพื่อนในคณะและเพื่อนที่ไม่ได้อยู่ในคณะ ในขณะเดียวกัน ฉันก็เริ่มทำความรู้จักพี่ๆ ที่เป็นเพื่อนของเขาไปทีละคน แต่ก็กลัวอยู่ว่า ไปทำความรู้จักแล้วเป็นเจ๊ แล้วฉันจะซวยหรือเปล่า เพราะฉันกำลังแหกกฏวีนอยู่ 1 ข้อ ก็เลยคิดไว้ว่า ไว้รอฉันได้รุ่น จะไปให้เขาพาไปเปิดตัวเอง แต่ก็รุ้จักพี่แม๊ก ซึ่งก็เป็นเพื่อนสนิทของเขา

              แล้วเขาก็ได้รู้จักเพื่อนสนิทในคณะของฉันเอง  ตอนนั้นเพื่อนของฉันยังไม่รู้ว่าเขาเป็นแฟนฉัน ก็แอบไปทำเซอร์ไพรสให้รู้ทีหลัง เพราะตัวเขาเองก็ไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวฉันจะเดือดร้อน และเพื่อนของฉันก็กลายเป็นคนเชื่อมความรักของเราสองคน และเป็นที่ปรึกษาในทุกๆเรื่อง

              ตัวฉันเอง กับเพื่อนคนนี้เรามีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน เพียงแต่ไม่ได้เข้าวีน จึงเป็นอิสระ และไม่ตกเป็นเป้าหมายในสายตาเจ๊ ต่างๆ เวลามีอะไรฉันจึงมักจะบอกให้เขาไปกับเพื่อนคนนี้ ไปเที่ยวกันบ้าง ไปไหนด้วยกันบ้าง ทดแทนที่ฉัน ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ เพราะกลัวกฏข้อนี้ แต่ในใจของฉันไม่อยากให้เขาไปไหนทั้งสิ้น   ท่ามกลางกระแสที่เริ่มสนใจฉันมากขึ้น บวกกับการออกไปไหนมาด้วยกันของเขากับเพื่อนของฉันมีมากขึ้น ทำให้ฉันคิดมากขึ้นและคิดไกลไปว่า เขาทั้งสองอาจจะกำลังคบกันก็ได้

              ในขณะเดียวกัน พี่ข้างห้องที่ฉันเข้าใจผิดมาตลอด ว่าเป็นคนที่ทำให้ฉัน กับกุ๊กไก่ เพื่อนโรงเรียนเก่าต้องทะเลาะกัน   เพราะตอนที่ฉันเข้ามาใหม่ๆ ฉันเปิดเพลงเสียงดัง และกุ๊กไก่ก็มาว่าให้ฉันใน MSNว่า “คนที่กุ๊กไก่รู้จัก ไม่ชอบพี่เปิดเพลง เขาอยู่ห้องข้่างๆ” ก็เลยเข้าใจว่า ห้องพี่ข้างห้องแน่ๆ ที่ไปบอกกุ๊กไก่ ก็เลยเกลียดห้องข้างๆ  ทำไม ถึงไม่มาบอกเอง สุดท้าย ฉันก็รู้ว่าไม่ใช่พี่เขาที่ว่าให้ฉัน แต่เป็นห้องตรงข้าม ที่ตอนนี้ มันไม่มีคนอยู่แล้ว ฉันจึงไปซื้อตุ๊กตาน้องหมา เปียกปูน ให้พี่เขา ถือเป็นการขอโทษ ที่ฉันคอยส่งสายตารังเกียจ หรือทำให้ที่ทำให้เขารู้ว่าจงเกลียดจงชังพี่เขา   และสุดท้าย ก็คุยกันเป็นพี่เป็นน้อง เราเป็นพี่น้องกัน โดยที่เก่งไม่รู้ว่า พี่คนนี้ มีประวัติอะไรติดตัวมา แต่ยังไงก็ตาม เขาก็คือพี่ชายของฉันคนหนึ่งล่ะ

              แล้วนับวันกระแสของฉัน ก็เเรงขึ้นอีกทั้งเรื่องของฉันกับแฟน และเรื่องฉันกับพี่ข้างห้อง   ฉันจึงตัดสินใจด้วยความน้อยใจ ที่จะบอกเลิกกับเขา เพราะฉันยังอยู่ในวีน มีผู้คนจับจ้องมากมาย และอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ ในคืนนั้นเอง เขาร้องไห้ที่บันได และอ้อนวอนฉันว่า “ถ้าเลิกกับเก่งไป ก็รักใครไม่ได้อีกแล้ว”  ฉันใจแข็งมาก ทั้งๆที่ใจข้างใน อ่อนปวกเปียก  ฉันไม่ได้อยากจะเลิกเลย แต่ฉันกลัว แค่นั้นเอง  ถึงแม้คืนนั้นจะไม่ได้เลิก แต่เขาก็บอกกับฉันว่า ชีวิตของเขาไม่มีความสุขเลยที่ฉันเป็นแบบนี้ พยายามไล่เขาออกไป ฉันก็สงสารเขา ก็เลยตัดสินใจมาคุยกันอีกครั้งและเขาก็บอกกับฉันว่า เขากับเพื่อนสนิทของฉันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าพี่น้อง มีแต่ฉันที่คิดไปเอง ฉันก็ยอมรับผิดว่าฉันคิดไปเอง เพราะฉันรัก และน้อยใจที่ฉันเข้าวีน แต่กลับทำอะไร ออกไปเที่ยวไม่ได้ เพราะเกรงกลัวสายตาของเจ๊ ไม่เหมือนกับเพื่อนของฉัน

              ฉันกลับมาเป็นปกติ แต่ความรู้สึกกลับยังไม่คลี่คลาย ฉันยังคงกังวลและกลัว ว่าคนที่ฉันรัก จะเปลี่ยนแปลงไป เพราะ ตัวของฉันทำอะไรไม่ได้มาก ยังอยู่ในกรอบของคำว่า กฏวีน เขากับเพื่อนของฉันก็ไม่ได้ไปไหนด้วยกัน เพราะรู้ว่าฉันไม่ชอบ แต่ก็คุยปรึกษากันเกี่ยวกับเรื่องของฉัน  ฉันตัดสินใจที่จะแสดงออกให้เขารู้ว่า “เวลาที่ฉันเห็นเขาไปกับคนอื่น ฉันรู้สึกยังไง” พี่ข้างห้อง จึงกลายมาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมา ต่อจากนั้น

               เวลานั้น เป็นช่วงปิดเทอมที่ฉันมีเวลาว่าง ฉันกับพี่ข้างห้อง เราสัมพันธ์กันแบบพี่น้องฉันจึงไม่เกรงกลัว อะไรใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่ากฏของวีน หรืออะไรก็ตาม ฉันอยากให้คนที่ฉันรักรู้ว่า ฉันไม่ชอบเวลาเห็นเขาไปกับคนอื่น ฉันกับพี่ข้างห้องจึงไปดูหนังด้วยกัน ไปกินข้าวหลังมอ ไม่ว่าเขาจะเห็นหรือไม่เห็นก็ตาม แต่เชื่อว่าเขาจะต้องรู้ว่า ฉันกำลังทำอะไรกับใคร

               แต่นี่เป็นสิ่งที่พลาด เพราะพี่ข้างห้องกลับรู้สึกชอบฉันขึ้นมา แต่ฉันไม่ได้รักพีเขาเเบบนั้น ฉันรักพี่เขาเป็นพี่ชาย สุขใจที่มีพี่ในหอเพิ่มขึ้น เรื่องราวก็เริ่มเลวร้ายขึ้น เมื่อเพื่อนคณะวิจิตรคนนึงของฉัน มาบอกฉันว่าพี่ข้างห้องนั้นเป็นเเฟนเก่าของเขา ฉันเสียใจมาก แต่กล้าพิสูจน์ว่าฉันกับพี่ข้างห้องไม่ได้เป็นอะไรกัน ถึงเเม้ฉันจะเข้าไปในห้องพี่เขา แต่ก็ไม่ได้มีอะไรกัน ดูหนังประวัติศาสตร์ กรุงโรม ดูหนังผีชีวะ กินขนมมาม่า ก็แค่นั้น แต่เพื่อนวิจิตรคนนี้กลับ เอาเรื่องนี้ไปเล่า ว่าฉันมีอะไรกันกับพี่เขา จนคนที่รับฟังเรื่องนี้ก็เริ่มเกลียดฉัน และเข้าใจแบบนั้นไปจริงๆ

               ฉันเสียใจมาก ฉันก็ปรึกษากับพี่ข้างห้องว่า จะทำยังไงดี จึงตัดสินใจว่า มั่นใจว่าไม่มีอะไร ยังไง ความจริงก็คือความจริง ก็เลยให้กำลังใจกันและกัน และอยู่อย่างเงียบๆไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น  บนความเกลียดชังและการเหยียดหยามของเพื่อนหลายๆคนบนหอ   ในขณะเดียวกัน คนรักของฉันก็ต้องคิดไปแบบนั้นแน่ๆ เพราะเขาสนิทกับเจ๊ที่เป็นเหมือนตัวแทนหลักของวีนหอที่ฉันอยู่ ฉันเสียใจมากที่เขาไปเชื่อคำพูดพวกนั้น ฉันจึงเกลียดเพื่อนวิจิตรและพี่วิจิตร ทันที   ส่วนเขาก็โทรมาคุยว่าฉันไม่รักเขาหรอ ฉันก็ตอบไม่ว่า พี่ข้างห้องเป็นพี่ชาย ไม่ได้รักเป็นแฟน  แต่ถึงยังไง เขาก็คงไม่เชื่อฉัน เพราะไม่ว่าคำจากปากของเจ๊วิจิตร หรือจากคนอื่นๆที่รู้เรื่องนี้ ก็ต้องบอกว่า ฉันไปรักพี่ข้างห้องซะแล้ว 

                ฉันกลายเป็นคนบ้า และเริ่มซึมเศร้ามากขึ้น  ปล่อยตัวให้กินเหล้า เข้าผับ   ปล่อยชีวิตตัวเองให้ไร้ค่า  จนมีคนมาจีบฉัน ฉันก็หลวมตัว ไป   ฉันรู้ว่ามันผิดแต่ฉันก็ไม่มีอะไรแล้วจริงๆ ฉันท้อแท้เหลือเกิน ในใจฉันนึกถึงแต่น้ำตาของเขา นึกอยู่ว่าเขากำลังทำอะไร ยิ่งนึกยิ่งเจ็บฉันไม่อยากจำอะไรเลย ในเวลานั้น ฉันอยากหายไปเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของฉันที่ไหน ก็ไป จะไปธุดง ไปไหน ก็ไป ถึงฉันจะบอกว่าฉันไปโน่นไปนี่ เพื่อหลบเขา แต่ฉันก็ไม่ได้ไปหรอก

                แล้วคนที่ฉันรักก็เสียใจอีกครั้ง ฉันรู้ว่าฉันทำเขาร้องไห้อีกแล้ว แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ฉันมีแต่ความจริงเท่านั้นที่จะเอาไปพิสูจน์ แต่เขาก็ร้องไห้ ร้องไห้ และกลายเป็นคนอีกคน ชีวิตของเขาตกต่ำอีกครั้ง  ฉันก็เสียใจมาก มากที่สุด ในคืนที่ฉันถูกเรียกวีนนั้นเอง ฉันรู้ว่าฉันจะต้องถูกลงโทษแน่ๆ คนที่ฉันรักขอร้องให้เจ๊วิจิตรอย่าทำร้ายฉันและบอกว่า ถ้าจะทำอะไรฉัน ขอให้ลงที่เขา ฉันเสียใจหนักกว่าเดิม และคิดว่าเพราะฉัน เขาต้องเจ็บอีกแล้ว พอกันที  เรื่องของฉันกับเขา จึงถูกประกาศ ณ ที่นั้น  ฉันตัดสินใจ บอกเจ๊วิจิตรที่ฉันเกลียดว่า “ เลิกกับเขาแล้ว เพราะไม่มั่นใจว่าจะรักเขาได้อีกนานเท่าไหร่ ” ใจของฉันไม่อยากเลิกเลย แต่ถ้าเขายังติดอยู่กับเรื่องราวแบบนี้ เขาคงต้องเสียใจไปมากกว่านี้แน่ๆ ฉันอยากให้เขาได้ออกห่างออกไปก่อน ไปพักฟื้น เช่นเดียวกับฉัน ที่กำลังต้องการการพักฟื้น ฉันร้องไห้ เจ๊วิจิตรให้ฉันตะโกนชื่อเขาที่ระเบียง บอกว่าฉันเคยเป็นแฟนเขา และให้ฉันตะโกนไปที่ห้องพี่ข้างห้อง ให้พูดกฏข้อ ที่ฉันผิด และบอกว่า ห้ามฉันไปให้ท่า เกินงาม     ฉันเสียใจมากที่สุดในคืนๆนั้น  ฉันเลี่ยงอะไรไม่ได้จริงๆ แต่ฉันก็พิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่า ฉันกับพี่ข้างห้องไม่ได้รักกันและทำอะไรเลยเถิดไปอย่างที่คนอื่นเอาไปพูด แต่ท้ายสุดเจ๊วิจิตร และพี่วีนก็พูดให้ฉันเข้าใจว่า วีนไม่ได้ล๊อคไว้ว่าห้ามใครคบใคร แต่กฏเขาสร้างมาเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา น้องวีนไปแย่งแฟนของใคร เพราะจะเดือดร้อน แต่ถ้ามีคนมาจีบแล้วคบกันไม่มีปัญหาอะไร วีนก็จะปล่อยไป ไม่ใช่แค่ปล่อยไป ยังช่วยสนับสนุนให้น้องวีนรักและซื่อสัตย์ ด้วย  แต่มันสายไปแล้ว เพราะฉันไปประกาศเลิกกับเขาซะแล้ว    หลังจากเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าทุกคนจะเข้าใจฉันกับเขา หรือฉันกับพี่ข้างห้องยังไง  ฉันก็รักเจ๊วิจิตรคนนี้มากขึ้น และภาวนา ให้ทุกคนอย่าคิดเรื่องฉันกับพี่ข้างห้อง แบบร้ายๆแบบนั้นอีก

               อีกไม่กี่วัน หลังจากที่ฉันประกาศไปว่าฉันเลิกกับเขา ฉันก็เตรียมพร้อมสำหรับการบอกขอโทษ และจะเริ่มสถานะพี่น้องไปก่อน ถึงแม้จะเลิกกัน  ใจของฉันก็ยังรักเขา และถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มต้นอีกครั้ง ในสถานะแบบนี้ ฉันกับเขาจะได้ไปไหนด้วยกันได้ เหมือนที่ฉันไปกับพี่ข้างห้อง จะได้ทำอะไรดีๆมากมาย เพราะฉันอุ่นใจขึ้นเยอะ ที่เจ๊วิจิตรบอกไว้ เหมือนกับได้รับการอนุญาต แต่สุดท้ายฉันก็รู้ว่า เพื่อนของฉัน ไปนอนอยู่ที่หอของเขาแล้ว  ฉันตกตะลึงมาก และไม่คาดคิดเลยว่าเพื่อนจะทำแบบนี้ได้ จึงตัดสินใจโทรไปหาด้วยความโกรธ

               เพื่อนของฉันเล่าให้ฟังว่า เขาเสียใจมากเรื่องของฉัน  ฉันก็บอกขอโทษ และถามว่าจะคบกันจริงๆหรอ    เพื่อนของฉันก็บอก จะคบ ถ้าหากฉันไม่รอเขาแล้ว เพื่อนจ๋า เธอรู้ไหม เธอทำให้ความหวังทั้งหลายของฉันพังไปเสียแล้ว ถึงแม้ฉันจะบอกฉันจะรอ เธอก็จะต้องผิดหวังจริงไหม  แต่ถ้าเทียบกับการที่ฉันตอบ ให้เธอคบกัน อย่างน้อยเธอก็จะทำให้เขาได้มีความสุข เธอมีอิสระในการจัดการความรัก ถึงแม้ว่าฉันเพิ่งจะได้รับมันมา แต่อย่างน้อยเธอก็มีมันมากกว่าฉัน ฉันจึงยอมให้เธอได้เริ่มต้นกับเขา  ใจของฉันยังรับความจริงไม่ได้เลย ฉันจึงมีทั้งอารมณ์โกรธ สับสน เศร้า ในสายนั้น  เขาไม่ใช่สิ่งของสำหรับฉัน แต่ฉันจำเป็นต้องให้เธอไป เพราะเธอก็รอเขาอยู่แล้ว และฉันก็มั่นใจมากว่าเธอจะทำให้เขามีความสุขได้มากกว่าฉัน   ฉันวางสาย และกลายเป็นคนโง่โดยทันที

                สิ้นสุดสายนั้น ไม่ว่าเขาจะคิดว่าฉันเป็น ผีอะไรมาเกิด ถึงทำร้ายจิตใจคนได้ขนาดนั้น ฉันยอมให้เขาคิดแบบนั้น และมีความหวังว่า อยากจะให้ทั้งสองคนรักกันจริงๆ แม้ใจลึกๆอยากจะทำลายความรักของเขา   ฉันก็ทำได้แค่ประกาศให้คนรู้ว่า เขาสองคนกำลัง คบกัน ทำได้แค่นั้น และทำด้วยอารมณ์โกรธ   ฉันกลายเป็นสิ่งที่ต่ำยิ่งไปกว่าผีตายซาก ฉันไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรทั้งนั้น ไม่เข้าเรียนแคล ไม่เข้าเรียนอิ้ง 2 อาทิตย์กับการขาดเรียน แบบไม่มีเหตุผล ไปเรียนบางวิชาก็เหมือนไม่ได้ไป ชีวิตของฉันไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ ฉันอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม ฉันจะขอโทษ และจะบอกเขาตรงๆว่า ฉันไม่ชอบที่เขาไปกับเพื่อนของฉัน และจะไม่ทำโดยการไปกับพี่ข้างห้องแบบนี้ ฉันอยากเริ่มเป็นพี่น้องกับเขา ไปเที่ยวด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน เพราะฉันยังรักเขาอยู่เต็มหัวใจ แม้ว่าตอนนี้เขาจะเกลียดฉันแล้วก็ตาม

               ยากที่จะทำใจว่าฉัน ไม่มีโอกาสได้ตอบแทนสิ่งดีๆให้เขาแล้ว เพราะหากฉันทำ ก็เหมือนฉันสร้างปัญหาให้เขาสองคน และฉันก็กลัวว่าฉันจะกลายไปเป็นคนแย่ง หรือมือที่สามอีก ฉันแค่อยากทำตามหวามหวังและสิ่งที่ฉันกำหนดไว้ เพราะฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันรู้ว่าเขาก็ยังรักฉันอยู่ลึกๆในใจ แต่ฉันอยากให้มันหายไปจริงๆ เพื่อนของฉันและเขาจะได้ไม่เสียใจอีก ฉันทำแต่เรื่องที่ทำให้เขาต้องเสียใจมาโดยตลอด  ฉันจึงต้องทำอะไรซักอย่างให้เขารู้ว่า ฉันไม่ได้รักเขาแล้ว และต้องทำอะไรซักอย่างให้เขาเกลียดฉัน เลิกสนใจฉันเขาจะได้รักเพื่อนของฉันอย่างจริงๆ

Pay

ปาย : คืออีกที่นึง ที่เคยตกลงกันไว้ ว่าจะไป

เธอ ทำให้เขามีความสุขมากที่สุด เธอไม่ผิดนะ อย่าคิดว่าเธอผิดเลย เธอทำถูกต้องเเล้ว

                จนถึงวันนี้ เขากับเพื่อนของฉันก็รักกันจริง ตามที่ฉันตั้งใจไว้แล้ว ตัวของฉันเอง ก็หายเป็นปกติแล้ว และกำลังคบกับคนรักคนใหม่ ฉันไม่ได้โกรธเธอเลยนะเพื่อน แต่กลับขอบคุณที่ทำให้ เขาได้มีความสุขตามแบบที่เขาต้องการ การคุยกับคนรักเก่าของฉันในวันนี้ เป็นเรื่องที่ดีใจอย่างยิ่ง ที่เขาทำให้ฉันรู้ว่า เขาไม่ได้รักฉันแล้วจริงๆ เขามีใจให้เธอทั้งหมดใจ เธอโชคดีนะเพื่อนที่ได้คนดีๆแบบเขา ตัวของฉัน ก็สุขใจมาก มากกว่าเสียใจ ความรักของเธอสองคน ทำให้ฉันรู้สึกว่า หากฉันไม่เจอเขาก่อนเธอ เขากับเธอคงจะีความสุขมากกว่านี้ แน่ๆ ฮ่าๆ   ฉันก็รักเธอเสมอนะเพื่อน และก็รักเขาเป็นพี่เสมอ ถึงเเม้ความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไปยังไง เพื่อนจ๋า เธอจะเป็นยังไง ฉันก็จะชื่นชม ผลงานของเธอทั้งสอง ที่แก้ไขเรื่องราวเลวร้ายให้ผ่านไปได้ด้วยดี  ฉันมีความสุขจริงๆนะ

 

                 เมื่อวานฉันได้รุ่นหอ เป็นอีกวันนึงที่ฉันคิดถึง คำสัญญาของเขา  ฉันเลยทักทายเขา และก็ได้รับข่าวดี ที่เขาได้ลืมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับฉันแล้ว ดีใจเหลือเกินที่เขามีความสุขมากที่สุดในชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะเธอ ไม่ใช่เพราะฉัน  ขอให้เธอสองคนรักกันนานๆนะ ฉันปลื้มทั้งเธอและเขา อยากดูแลความรักของเธอทั้งคู่ให้มีความสุข อยากหัวเราะเฮฮา ตามประสา เพื่อน พี่น้องอีกครั้ง อยากขอโทษจริงๆที่ทำให้ชีวิตที่ผ่านมา วุ่นวาย

                 ไหนๆ ก็ได้รุ่นแล้ว แม้จะไม่มีของขวัญหรืออะไรก็ตาม ฉันขอให้ของขวัญกับตัวเอง “บทเรียน” ที่สำคัญเกี่ยวกับความรัก คือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุด ที่ฉันได้มาจากการเข้าวีน ฉันรู้แล้วว่า “การดูแลคนรักให้ดีนั้น ไม่ต้องรอโอกาสเสมอไป”  วันพรุ่งนี้ ฉันก็จะไม่คิดเรื่องนี้อีก เพราะฉันสุขใจแล้วที่ทั้งคู่ได้รักกันอย่างสมบูรณ์ ขอฝากบทเรียนนี้ไว้เป็น สิ่งสำคัญ สำหรับหลายๆคนที่กำลังมีความรัก ขอให้อย่าได้เป็นเเบบของฉัน และเป็นรักที่ยืนยาว เหมือนของคนรักเก่าเเละเพื่อนของฉัน ตลอดไป

         ทิ้งท้ายกับคำพูดของเขา ไม่ว่าเขาจะพูดถึงอะไรก็ตาม

….. เวลาจะตัดสินอะไร ให้มองที่เจตนา... สิ่งที่เห็น อาจไม่ได้เป็นหยั่งที่คิด
บางคนทำตัวเพื่อให้ตัวเองถูกมองว่าไม่ดี แต่มีประโยชน์
ดีกว่าการสร้างภาพว่าตัวเองมีประโยชน์ แต่ภายในช่างกลวง
บทเรียนชีวิตครั้งนี้ จะคอยเตือนว่า "ให้แน่ใจว่าตัวเองดีก่อน หากคิดจะตัดสินว่าใครไม่ดี"

คิดถูกต้องแล้วนะคับ คุณหมอฟัน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น